เพกาซัส ปี 2015 เสียงเครื่องยนต์คำรามก้องไปทั่วสนามแข่งระดับประเทศ เมืองเฉิงตูถูกกลืนด้วยแสงไฟยามค่ำคืน เส้นทางแอสฟัลต์ที่ทอดยาวโค้งไปมาเหมือนงูดำใต้แสงจันทร์นั้นคือสนามที่สร้างนักแข่งชื่อดังมานับไม่ถ้วน แต่ในวันนั้นมีชื่อหนึ่งที่ยังไม่คุ้นหูใคร“จางฉือ” ชายหนุ่มวัย 24 ปี ผู้มากับรถสีเงินลายสายฟ้า หมวกกันน็อกสะท้อนแสงไฟในสนามอย่างเยือกเย็น เขาเพิ่งถูกเซ็นสัญญาเข้าร่วมทีม เรซซิงซิงเฟยฉือ (Racing Xing Fei Chi) ทีมแข่งดาวรุ่งที่กำลังเติบโตในวงการอย่างรวดเร็ว
ในวันแรกที่เขาลงสนาม เขาไม่ได้มาพร้อมชื่อเสียง แต่กลับมาพร้อม “สัญชาตญาณแห่งความเร็ว” ที่ใครหลายคนไม่เคยเห็นมาก่อน การเข้าโค้งของเขาคมและเฉียบเหมือนมีด เขาอ่านสนามเหมือนอ่านหนังสือเปิดหน้าเดียวก็รู้ตอนจบ การแข่งขันรอบนั้นเขาเข้าเส้นชัยเป็นอันดับสอง แต่สิ่งที่ทุกคนจำได้คือ “แววตา” ของเขา มั่นใจ เยือกเย็น และเต็มไปด้วยไฟของนักสู้ หลังจากนั้นชื่อของจางฉือเริ่มกลายเป็นที่พูดถึงไปทั่ววงการ เขาได้รับฉายาว่า “ม้าบินแห่งซิงเฟยฉือ” เพราะทุกครั้งที่รถของเขาพุ่งทะยาน มันเหมือนมีปีกที่สามารถบินได้เหนือถนน เขาเก็บชัยชนะต่อเนื่องจนกลายเป็นตัวเต็งระดับประเทศในเวลาเพียงสองปี สปอนเซอร์มากมายรุมเข้าหา เขาได้ขึ้นปกนิตยสาร ได้รับฉายาว่าเป็นอนาคตของวงการแข่งรถจีน และมีแฟนคลับนับแสนคนที่คอยตามดูการแข่งขันทุกสนาม แต่ในเส้นทางที่สูงที่สุด มักมีเหวที่ลึกที่สุดรออยู่เสมอ
ปี 2022 สนามแข่งระดับนานาชาติที่เซี่ยงไฮ้กำลังจะเริ่มต้นขึ้น เสียงเครื่องยนต์นับสิบคำรามอยู่ในกรงรอออกสตาร์ต จางฉือในวัย 31 ปี อยู่ในจุดที่เรียกได้ว่า “สูงสุด” ของชีวิต เขามีทั้งชื่อเสียง เงินทอง ทีมงานที่ดีที่สุด และรถแข่งคันใหม่ที่เขารักเหมือนชีวิต มันถูกตั้งชื่อว่า “เพกาซัส” สื่อถึงม้าบินในตำนานที่ไม่มีใครสามารถหยุดได้ การแข่งขันครั้งนี้คือบทพิสูจน์ว่าเขาคืออันดับหนึ่งของเอเชียอย่างแท้จริง ทุกสายตาจับจ้องเขา ทุกคนรอวันที่เขาจะขึ้นแท่นรับถ้วยทอง แต่โชคชะตากลับเล่นตลกในวันที่ฟ้าสว่างที่สุดของชีวิต
รอบที่ 38 จาก 40 รอบ จางฉือนำคู่แข่งห่างกว่า 5 วินาที เหลือเพียงสองรอบก็จะคว้าชัยชนะในฐานะแชมป์ เขาเหยียบคันเร่งเต็มแรง มุ่งตรงเข้าสู่โค้งขวาที่คุ้นเคย แต่ทันใดนั้น เสียงระเบิดดังเบา ๆ จากอีกด้านของสนาม และฝุ่นควันลอยออกมา เขามองเห็น “ฝูงแพะ” กำลังวิ่งตัดหน้าอย่างไม่มีสาเหตุ! จางฉือชะงัก เขา “กลัวแพะ” ตั้งแต่เด็ก ความกลัวฝังใจจากเหตุการณ์ในวัยเยาว์ที่เคยถูกแพะพุ่งใส่จนได้รับบาดเจ็บ ทำให้สติของเขาหลุดวูบในชั่วขณะ เขาหักพวงมาลัยเต็มแรง รถเพกาซัสเสียหลักหมุนติ้วก่อนจะพลิกคว่ำสามตลบ กระแทกกับขอบรั้วเหล็กจนไฟลุกพรึ่บ เสียงคนตะโกนดังระงม รถพยาบาลเร่งเข้ามาในทันที การแข่งขันถูกยกเลิกกลางคัน สปอนเซอร์ถอนตัว ทีมงานแตกกระจาย จางฉือถูกหามส่งโรงพยาบาลในสภาพขาหักทั้งสองข้าง และข่าวดังไปทั่วประเทศว่า “ราชาแห่งความเร็วสิ้นสุดลงเพราะแพะ”
ชีวิตที่เคยอยู่บนยอดพีระมิดพังทลายลงภายในไม่กี่ชั่วโมง เขาต้องใช้เวลาหลายเดือนในการรักษาตัว แต่สิ่งที่เสียไปมากกว่านั้นคือ “ศรัทธา” ของผู้คน ไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะกลับมาได้อีกแล้ว ทีมซิงเฟยฉือยุบตัวลง อุปกรณ์ทุกชิ้นถูกนำไปขายจำนำเพื่อรักษาหนี้ สปอนเซอร์รายสุดท้ายถอนตัวพร้อมคำว่า “คุณคืออดีต” ในปีต่อมาจางฉือแทบไม่มีที่ยืน เขาต้องไปแข่งรถผิดกฎหมายตามถนนภูเขาเพื่อหาเงินประทังชีวิต เสียงเครื่องยนต์ที่เคยเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติ กลายเป็นเสียงแห่งความสิ้นหวัง เขาถูกจับได้ในที่สุด และถูกยึดใบอนุญาตแข่งรถ พร้อมคำสั่ง “พักการแข่งขัน 5 ปี” จากสมาคมกีฬา ห้าปีแห่งความมืดมิดจางฉือใช้ชีวิตอยู่อย่างคนธรรมดา ทำงานซ่อมรถในอู่เล็ก ๆ ริมเมือง ทุกครั้งที่เขาได้ยินเสียงเครื่องยนต์แข่งผ่านไปในทีวี เขาจะหยุดทำงานและนั่งมองอย่างเงียบ ๆ ในใจเต็มไปด้วยคำถามว่า “ถ้าวันนั้นเขาไม่หักหลบแพะ ชีวิตจะเป็นอย่างไร”
ห้าปีผ่านไป เขาอายุ 36 ปี ร่างกายอ่อนแรงลงแต่หัวใจกลับแข็งแกร่งกว่าเดิม เขากลับไปยังสนามเก่าที่เคยสร้างชื่อเสียงอีกครั้ง แม้ไม่มีสปอนเซอร์ ไม่มีทีมงาน แต่เขามีเพียง “รถเก่าคันหนึ่ง” ที่ซ่อมเองกับมือ มันไม่ใช่เพกาซัสตัวเดิม แต่เป็นเพื่อนที่เขาสร้างจากเศษเหล็กและหัวใจ ในปีนั้นวงการแข่งรถได้กำเนิดดาวรุ่งคนใหม่ “หลินเจินตง” เด็กหนุ่มอายุเพียง 25 ปี ที่มีฝีมือระดับอัจฉริยะ เขาคือแชมป์ติดต่อกันสามสมัย และถูกยกให้เป็น “ราชาแห่งความเร็วคนใหม่” เขาเป็นคนมั่นใจ เย็นชา และมองจางฉือเป็นเพียง “อดีต” ที่หมดค่าไปนานแล้ว
เมื่อจางฉือลงสนามอีกครั้ง เสียงหัวเราะดังรอบตัว ไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะกลับมาได้ แต่เขาไม่สน เขาเพียงบอกตัวเองว่า “นี่คือการแข่งขันสุดท้ายในชีวิต” การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นด้วยเสียงปืนสตาร์ต รถทุกคันพุ่งออกจากจุดเริ่มต้นพร้อมแรงระเบิดแห่งความเร็ว จางฉือออกตัวได้ช้ากว่าคนอื่นแต่ค่อย ๆ ไต่ขึ้นเรื่อย ๆ เขาใช้ประสบการณ์และความแม่นยำอ่านสนามทุกโค้งอย่างเฉียบคม จนกระทั่งเหลือเพียงหลินเจินตงอยู่ข้างหน้า รอบสุดท้ายทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด เสียงเครื่องยนต์คำรามสะเทือนอัฒจันทร์ ทุกคนลุกขึ้นยืน จางฉือใช้เทคนิคเฉพาะตัว “โค้งบินเพกาซัส” หักเข้าโค้งสุดท้ายอย่างสมบูรณ์แบบ เขาแซงหลินเจินตงเข้าเส้นชัยก่อนเพียงเสี้ยววินาที เสียงเชียร์ดังระเบิด แต่ยังไม่ทันได้เฉลิมฉลอง จางฉือกลับ “ไม่เหยียบเบรก” รถของเขาพุ่งทะยานตรงไปข้างหน้าด้วยแรงที่เหลือจากความเร็วสูงสุด เขามองเห็นเหวลึกอยู่ตรงหน้า ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที รถแหกโค้งตกลงไปทั้งคัน เสียงระเบิดดังสนั่นทั่วหุบเขา แสงสุดท้ายที่เขาเห็นคือท้องฟ้าก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบ
ในร่างของหลินเจินตง เขาพยายามปรับตัวและหาทางกลับร่างเดิม แต่ยิ่งเวลาผ่านไป เขากลับได้รู้ว่า “หลินเจินตง” ไม่ใช่คนเลวอย่างที่คิด แต่เป็นคนที่ชื่นชมเขามาตลอด หลินเจินตงในอดีตเคยเป็นแฟนคลับของจางฉือ เขาศึกษาทุกเทคนิคจากคลิปแข่งของเขา และที่กลายมาเป็นคู่แข่งก็เพราะอยาก “เอาชนะไอดอลของตัวเองด้วยมือของตัวเอง” เมื่อได้อยู่ในร่างนี้ จางฉือเริ่มเข้าใจมุมมองของเด็กหนุ่มที่เขาเคยดูถูก และยิ่งไปกว่านั้น เขาเริ่มพบ “ความลับ” ที่เปลี่ยนทุกอย่าง แท้จริงแล้วอุบัติเหตุในปี 2022 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ฝูงแพะที่วิ่งตัดหน้าเกิดจาก “การจัดฉาก” ของสปอนเซอร์รายใหญ่ที่ต้องการทำให้ทีมซิงเฟยฉือล้ม เพื่อเปิดทางให้ทีมใหม่ขึ้นมาแทน เขารู้แล้วว่าเหตุผลที่ชีวิตเขาพังไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะ “ความโลภของคนอื่น”
รูปแบบสไตล์หนังเรื่อง เพกาซัส
สไตล์หนังเรื่อง เพกาซัส จะเป็นแนว “ดราม่าแอ็กชันย้อนเวลา” ผสมไซไฟและแรงบันดาลใจในแบบ Inception และ Initial D ผสานความเข้มข้นทางอารมณ์แบบ Ford v Ferrari แต่เพิ่มความแฟนตาซีของการข้ามกาลเวลาและการเผชิญหน้ากับ “ตัวตนในอดีต” ภาพยนตร์จะเล่าเรื่องด้วยโทนภาพที่สลับระหว่างความเร็วของสนามแข่งกับความเงียบเหงาของชีวิตหลังความล้มเหลว มีฉากขับรถที่ถ่ายด้วยเทคนิคกล้องติดตัวรถให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนอยู่ในสนามจริง เสียงเครื่องยนต์จะเป็นเหมือน “หัวใจ” ของเรื่องที่สื่อถึงชีวิตนักแข่ง และดนตรีจะใช้โทนเปียโนผสมอิเล็กทรอนิกเพื่อสะท้อนความขัดแย้งระหว่างอดีตและอนาคต
สรุปรีวิวหนัง เพกาซัส
เพกาซัส ถ่ายทอดเรื่องราวของ จางฉือ นักแข่งรถอัจฉริยะผู้โด่งดังจากทีม “เรซซิงซิงเฟยฉือ” ที่พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดของวงการแข่งรถจีนในปี 2015 ด้วยสไตล์การขับที่เฉียบคมและรวดเร็วราวม้าบิน แต่ในปี 2022 เขากลับประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่ระหว่างการแข่งขันระดับโลก เมื่อฝูงแพะวิ่งตัดหน้า ทำให้เขาเกิดความกลัวและหักหลบจนรถคว่ำ ขาหัก ชีวิตนักแข่งพังทลายลงทันที หลังจากสูญเสียทุกอย่าง ทั้งชื่อเสียง ทีมงาน และสปอนเซอร์ เขาต้องดิ้นรนไปแข่งรถผิดกฎหมายเพื่อประทังชีวิต ก่อนถูกพักใบอนุญาตแข่งรถเป็นเวลา 5 ปี กระทั่งปี 2027 เขาตัดสินใจ “กลับมาอีกครั้ง” เพื่อพิสูจน์ว่าความฝันยังไม่ตาย แต่ชะตากลับเล่นตลกหลังคว้าชัยชนะในการแข่งสุดท้าย เขาประสบอุบัติเหตุรถตกเหว และเมื่อตื่นขึ้นอีกครั้ง เขาพบว่าตัวเองย้อนกลับไปในปี 2022 และอยู่ใน “ร่างของหลินเจินตง” คู่แข่งคนสำคัญของเขาเอง







